Capacitors
Sourcing Components รับจัดหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือภาษาอังกฤษที่เราเรียกว่า electronic device อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะทำงานได้โดยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในภายในอุปกรณ์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะทำหน้าที่เป็นทางผ่านของกระแสไฟฟ้าแล้วนำไปยังตัวอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้อุปกรณ์สามารถทำงานได้
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทแอ็กตีพ( Active Devices ) หรืออุปกรณ์ประเภทโซลิดสเตท และอุปกรณ์ประเภทที่สองคืออุปกรณ์พาสชีพ ( Passive Devices ) และอุปกรณ์ประเภทที่สามเป็นอุปกรณ์ทั่วไปที่ใช้ในการเชื่อมต่อและแสดงภาวะหรือเป็นตัวชี้ ( Indication )
รูป : Sourcing Components
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กับการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ
ในการประกอบอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมไหนย่อมจำเป็นจะต้องมีแผงวงจรและในการประกอบแผงวงจรนั้นก็ต้องมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนประกอบสำคัญเช่นกัน หากไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ก็ไม่สามารถที่จะประกอบแผงวงจรที่จะนำไปใช้กับอุปกรณ์ต่างๆ
- อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น เป็นโทรศัพท์, คอมพิวเตอร์, แล็อท็อปหรือสมาร์ทโฟน
- อุตสาหกรรมวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การออกแบบ พัฒนาและวิจัยแผงวงจรหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูป
- อุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น ระบบควบคุม, ระบบนำทาง, ระบบความบันเทิง
- อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ เช่น ระบบวิทยุสื่อสาร, ระบบดาวเทียม, ระบบเรดาร์
- อุตสาหกรรมทางการแพทย์ เช่น เครื่องวัดความดัน, เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ, เครื่องเอ็กซ์เรย์, เครื่อง MRI
- อุตสาหกรรมโทรมนาคม เช่น ระบบดาวเทียม, ระบบการสื่อสาร, เราเตอร์
- อุตสาหกรรมพลังงานและกำลัง เช่น ระบบพลังงานทดแทน, อุปกรณ์เพื่อการควบคุมและติดตาม
- อุตสาหกรรม IOT (Internet of things) เช่น อุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อสัญญาณ, เซ็นเซอร์
- อุตสาหกรรมเกมส์และความบันเทิง เช่น เครื่องเสียง, เครื่องเล่นเกมส์
- อุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อม เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับความร้อน, อุปกรณ์เช็คแรงลม
ข้อมูลที่ต้องเตรียม
บริการสั่งซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือ SOURCING COMPONENTS เราสามารถจัดหาและสั่งซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ตามที่ลูกค้าต้องการไม่ว่าจะในและต่างประเทศ ในการสั่งซื้อ COMPONENTS กับเรา ลูกค้าจะต้องมีข้อมูลให้เราหลักๆ คือ Bill of Materials.xls และภายในไฟล์ BOM.xls นั้นจะต้องมีข้อมูลของอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ครบถ้วน ไม่ว่าจะทั้งรหัสสินค้าผู้ผลิตทุกรายการ, ชื่อ, จำนวน, ตำแหน่ง, ค่าของอุปกรณ์, รายละเอียด, แพ็คเกจหรือขนาด, ผู้ผลิต เพื่อความรวดเร็วและถูกต้องในการสั่งซื้ออุปกรอิเล็กทรอนิกส์กับเรา
สรุปข้อมูลที่ต้องเตรียมในการสั่งซื้อแผ่นปริ้น
- ไฟล์ BOM.xls
รูป : ข้อมูลที่ต้องเตรียมสำหรับงานสั่งซื้ออุปกรณ์
Bill of Materials.xls
รูป : ไฟล์ Bom.xls
BOM คืออะไร?
BOM หรือ ไฟล์ BOM คำที่เรามักจะพูดกันติดปากหรือได้ยินกันบ่อยๆในการจะส่งไฟล์ข้อมูลให้บริษัท PCB Company สำหรับในการสั่งทำ PCB อยู่บ่อยครั้ง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าไฟล์ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการสั่งประกอบ PCB และสั่งซื้อชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากไม่มีไฟล์นี้ ในการจะสั่งซื้อ electronic components เพื่อนำมาใช้ในขั้นตอน PCB assemblies จะทำให้ยุ่งยากและวุ่นวายและอาจจะทำให้ระยะเวลาในการผลิตแผงวงจรล่าช้าได้ เพราะฉะนั้นการมีไฟล์ BOM นี้จึงมีความสำคัญมาก เพราะฉะนั้นเรามาทำความรู้จักกับ BOM กันดีกว่าว่ามันมีความสำคัญอย่างไรต่ออุตสาหกรรมด้านแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์บ้าง
BOM หรือชื่อเต็มก็คือ Bill of Materials เป็นไฟล์เอกสารที่ใช้ในการกำหนดหรือระบุรายละเอียดข้อมูลของวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนว่าต้องใช้อะไร จำนวนเท่าไหร่หรือใช้ที่ไหนบ้าง เพื่อให้เป็นฐานข้อมูลรวมไปถึงการตรวจสอบข้อมูลที่จะใช้ในกระบวณการการผลิตโปรดักส์ต่างๆ
ในปัจจุบันไฟล์ BOM ส่วนใหญ่จะนิยมสร้างในไฟล์ Excel หรือ CSV เนื่องจากใช้ง่ายและมีฟังก์ชั่นที่ช่วยในการคำนวณต่างๆ และการสร้างไฟล์ในรูปแบบของตารางนั้นยังช่วยให้คำนวณและสามารถตรวจสอบข้อมูลในกระบวณการการผลิตได้ง่ายอีกด้วย
ความสำคัญของ BOM
BOM ไม่ใช่แค่ไฟล์ต้นทุนแต่เป็นไฟล์ต้นทุนที่จะช่วยในการคิดต้นทุนและเป็นฐานข้อมูลให้กับผู้ผลิตได้อย่างดี อีกทั้งในเวลาการจัดหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำให้สามารถค้นหา electronic components ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยในการตรวจสอบกระบวณการการผลิตและตรวจสอบผลิตภัณฑ์ได้อีกด้วย
การกำหนดรายการวัตถุดิบ การกำหนดรายการวัตถุดิบเป็นส่วนสำคัญก่อนขั้นตอนกระบวนการการผลิต เพื่อให้ในการจัดซื้อสามารถจัดซื้อได้ถูกต้อง และได้จำนวนที่ไม่ขาดไม่เกินพอ เพื่อให้ต้นทุนเหมาะสมกับการผลิตนั้นๆ
วัตถุดิบในสต็อกไม่ขาด การทำ BOM ทำให้เราได้รู้ถึงจำนวนวัตถุดิบภายในสต็อกและทำให้เราได้รู้ว่าควรจะซื้อเพิ่มเท่าไหร่ ทำให้วัตถุดิบในสต็อกไม่ขาด
ต้นทุนไม่เยอะเกินงบ ในการสร้าง BOM ทำให้เรารู้ได้ว่าราคาของวัตถุดิบในแต่ละรายการมีราคาเท่าไหร่และต้องใช้จำนวนเท่าไหร่ อีกทั้งยังทำให้เราสามารถคำนวนณต้นทุนได้ว่าจะต้องใช้งบประมาณไหนเพื่อเป็นการป้องกันซื้อของเกินงบนั่นเอง
สิ่งที่ควรจะมีใน BOM (Bill of Materials)
- ลำดับของชิ้นส่วน (BOM Level) : ลำดับของวัตถุดิบต่างๆที่แสดงถึงลำดับการประกอบก่อนหรือหลัง เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายว่าชิ้นส่วนไหนต้องประกอบก่อนหรือหลัง
- หมายเลขวัตถุดิบ (Part Number) : ใช้อ้างอิงวัตถุดิบเพื่อให้ง่ายต่อการผลิต
- ชื่อ (Part Name) : ชื่อเรียกของวัตถุดิบนั้นๆ
- จำนวน (Quantity) : จำนวนหรือปริมาณของวัตถุดิบที่จะใช้
- หน่วยวัด (Unit of Measurement) : หน่วยของวัตถุดิบที่ใช้ เช่น ชิ้น, กรัม, กิโลกรัม
- ราคา (Price) : ราคาของวัตถุดิบนั้นๆ
- ชื่อผู้ผลิต (Manufacturer Name) : ชื่อของผู้ผลิตวัตถุที่ใช้เพื่อให้สามารถค้นหาในการซื้อได้ง่าย
- รหัสผู้ผลิต (Manufacturer ID) : รหัสผู้ผลิตใช้เพื่อในให้สามารถค้นหาในการซื้อวัตถุดิบได้ง่าย
- วัตถุดิบสำรอง (Alternate parts) : ในกรณีที่ไม่สามารถหาวัตถุดิบหลักได้จำเป็นจะต้องกำหนดวัตถุดิบสำรองที่สามารถทดแทนวัตถุดิบหลักเอาไว้
- คำอธิบาย (Description) : เพิ่มคำอธิบายเพื่อให้เข้าใจง่าย เช่น ตำแหน่งที่จะวางชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
ประเภทของ BOM (Bill of Materials)
BOM มีหลายประเภทด้วยกัน และในแต่ละประเภทก็จะนำไปใช้ที่แตกต่างกันอีกด้วย
- รายการวัสดุของการผลิต (Manufacturing Bill of Materials : mBOM)
BOM ประเภทนี้จะเป็นประเภทที่นิยมใช้กันมากที่สุด มันจะใช้ในการผลิตโปรดักส์ต่างๆ โดยข้อมูลด้านในก็จะประกอบไปด้วยรายการและรายละเอียดต่างๆของวัตถุดิบที่จะใช้ในการผลิตนั้นๆ จำนวนของวัตถุดิบในรายการจะขึ้นอยู่จะต้องสอดคล้องกับโปรดักส์ที่จะผลิต ทำให้ตัวไฟล์ BOM นี้ นอกจากเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ใช้ในการสั่งซื้อสำหรับกระบวณการการผลิต ยังเป็นไฟล์ที่สามารถเช็คและตรวจสอบวัตถุดิบรวมไปถึงโปรดักส์ที่จะทำการผลิตได้อีกด้วย
- รายการวัสดุของวิศวกรรม (Engineering Bill of Materials : eBOM)
BOM ในทางวิศวกรรมจะใช้ในการแสดงรายละเอียดของส่วนประกอบหรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำการออกแบบโดยแผนกวิศวกรรม โดยในรายนั้นก็จะมีข้อมูลของวัตุดิบและรายละเอียดต่างๆที่จะใช้ในการผลิตโปรดักส์ในทางวิศวกรรม เช่น จำนวน ชื่อวัตถุดิบ รหัสผู้ผลิต เป็นต้น
- รายการขายของวัสดุ (Sales Bill of Materials : SBoM)
BOM ประเภทนี้จะแตกต่างจากประเภทอื่น เพราะ BOM การขายจะเป็นการให้รายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เฉพาะที่อยู่ในขั้นตอนการขายแล้ว รวมถึงรายละเอียดของโปรดักส์ก่อนการประกอบและชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิตด้วย หรือที่เรียกว่าใบสั่งขาย
- รายการวัสดุบริการ (Service Bill of Materials)
BOM บริการถูกออกแบบมาให้ใช้สำหรับช่างบริการ โดยเนื้อหาด้านใน BOM นี้ จะเป็นคำแนะนำในการซ่อมผลิตภัณฑ์ ขั้นตอนการติดตั้งและบริการต่างๆของช่าง
- BOM การผลิต (Production BOM)
BOM การผลิตจะแสดงรายการประกอบ หน่วยการวัด และส่วนประกอบย่อยทั้งหมด ตลอดจนราคา คำอธิบายและหน่วยวัดที่เกี่ยวข้อง BOM การผลิตเป็นอีกส่วนที่สำคัญ เพราะมันจะใช้ในการคำนวณค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนในการผลิตเพื่อทำให้ผู้ผลิตสามารถจะจัดสรรวัตถุดิบและต้นทุนได้อย่างเหมาะสม
- การประกอบ BOM (Assembly BOM)
BOM ประเภทนี้จะคล้ายกับ BOM การขาย แต่จะแตกต่างกันตรงที่ BOM การขายจะแสดงผลิตภัณฑ์ที่เป็นรายการสินค้าคงคลังหรือสินค้าสำเร็จรูป แต่ Assembly BOM จะแสดงรายการหลักเป็นรายการขาย นอกจากนี้ Assembly BOM ยังสามารถเป็นได้ทั้งแบบระดับเดียวและหลายระดับได้ด้วย
- เทมเพลต BOM (Template BOM)
เทมเพลต BOM เป็นแม่แบบของ BOM สามารถใช้ได้กับ Sales BoM และ Production BoM และจะแสดงรายการหลักที่ด้านบน จากนั้นก็จะตามด้วยรายย่อยตามลำดับ
- BOM ที่กำหนดค่าได้ (Configurable BOM : cBOM)
BOM ที่กำหนดค่าได้จะประกอบไปด้วยส่วนประกอบที่จำเป็นในการออกแบบและการผลิตตามที่ลูกค้ากำหนด Configurable BOM จะนิยมใช้ในการผลิตโปรดักส์ที่สามารถปรับแต่งได้ เช่น คอมพิวเตอร์ รถยนต์ หรือฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ต่างๆ เป็นต้น
- BOM ซอฟต์แวร์ (Software BOM)
BOM นี้จะใช้ในบริษัทที่พัฒนาซอฟต์แวร์ จะใช้ BOM ในการแสดงรายการเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นในการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ อาจรวมถึงระบบหลังบ้าน ระบบหน้าบ้าน ส่วนขยาย ฐานข้อมูลหรือภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรม เป็นต้น
- BOM ระดับเดียว (Single-level BOM)
BOM ระดับเดียวจะใช้กับโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อนและจะไม่มีส่วนประกอบย่อยเหมือน ภายใน BOM จะประกอบไปด้วยวัตถุดิบที่จะใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์และจะแสดงรายการตามลำดับ
- BOM หลายระดับ (Multi-level BOM)
BOM หลายระดับจะตรงข้ามกับ BOM ระดับเดียวโดยสิ้นเชิง เพราะ BOM หลายระดับจะใช้กับโครงสร้างที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และมีส่วนประกอบย่อยต่างๆ และหมายเลขของแต่ละรายการจะต้องมีความสัมพันธ์กันกับรายการหลัก
ประเภทของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ประเภทของ electronic components สามารถแบ่งแยกย่อยได้อีก 10 ประเภทหลักๆได้ดังนี้
ไอซี (IC) เป็นวงจรรวมที่นำเอาองค์ประกอบของวงจรต่างๆมารวมกันบนแผ่นวงจรขนาดเล็กในหนึ่งตัว ไอซีมี 3 ประเภท Digital IC ทำหน้าที่ในการสวิทซ์ทางดิจิตอลและไมโครโพรเซสเซอร์, Analog IC ทำหน้าที่ควบคุมแรงดันไฟฟ้าและขยายสัญญาณ และ Mixed IC เป็น IC ที่มีการทำงานร่วมกันระหว่าง Digital IC และ Analog IC
ทรานซิสเตอร์ (Transistor) เป็นอุปกรณ์ที่มีความสามารถในการขยายสัญญาณและทำหน้าที่เปิด-ปิดวงจรไฟฟ้า ทรานซิสเตอร์สามารถแบ่งได้ตามโครงสร้างของสารกึ่งตัวนำโดยมี 2 ชนิดได้แก่ ทรานซิสเตอร์ชนิด PNP และทรานซิสเตอร์ชนิด NPN
ตัวต้านทาน (Resistor) เป็นอุปกรณ์ที่มีความสามารถในการต้านการไหลผ่านของกระแสไฟฟ้าและทำหน้าที่ลดการไหลและลดระดับแรงดันไฟฟ้าในเวลาเดียวกัน ชนิดของตัวต้านทานสามารถแบ่งออกได้หลายแบบ แต่เราจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆจากชนิดของตัวต้านทานและชนิดของตัวต้านทานที่แบ่งตามการใช้งานเป็นต้น
คาปาซิเตอร์ (Capacitor) หรือตัวเก็บประจุ ทำหน้าที่เก็บพลังงานในรูปแบบของสนามไฟฟ้าที่สร้างขึ้นระหว่างคู่ฉนวน ตัวเก็บประจุมีทั้งหมด 2 ประเภทด้วยกันคือ ตัวเก็บประจุชนิดคงที่ (Fixed Capacitor) และ ตัวเก็บประจุแบบปรับค่าได้ (Variable Capacitor)
ไดโอด (Diode) เป็นอุปกรณ์ที่มีสองขั้วได้แก่ ขั้ว A (Anode) และขั้ว K (Cathode) คุณสมบัติของมันคือยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลในทิศทางเดียวกันและป้องกันไม่ให้กระแสไฟฟ้าไหลกลับไปทางเดิม ไดโอดมีทั้งหมด 4 ประเภทได้แก่ ไดโอดเปล่งแสง (LED), โฟโตไดโอด (Photo Diode), ไดโอดกำลัง (Diode Power) และซีเนอร์ไดโอด (Zenner Diode)
ตัวเหนี่ยวนำ (Inductor) หรือเรียกอีกอย่างได้ว่า คอยล์ (Coil) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเหนี่ยวนำไฟฟ้าโดยอาศัยการตัดผ่านขดลวด และมีคุณสมบัติในการป้องกันการเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านอีกด้วย ประเภทตัวเหนี่ยวนำมีทั้งหมด 2 ประเภทด้วยกันคือ ตัวเหนี่ยวนำแกนอากาศและตัวเหนี่ยวนำแกน Ferromagnetic
ไดโอดเปล่งแสง (LED) เป็นอุปกรณ์ที่จัดอยู่ในจำพวกไดโอดที่มีความสามารถเปล่งแสงได้เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านตัวมัน ไดโอดเปล่งแสงสามารถแบ่งออกได้ 2 ชนิดได้แก่ แสงที่ตาคนมองเห็นและแสงที่ตาคนมองไม่เห็น
คริสตัล (Crystal) เป็นอุปกรณ์ที่ให้กำเนิดสัญญาณไฟฟ้าความถี่คงที่ โดยจะเปลี่ยนจากกระแสไฟฟ้ากระแสตรงไปเป็นคลื่นรูปสี่เหลี่ยม โดยจะในพวกอุปกรณ์วิทยุหรือคอมพิวเตอร์เป็นต้น
เซนเซอร์ (Sensor) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่คอยตรวจวัดความเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติหรือแวดล้อมโดยรอบวัตถุ เซนเซอร์มีทั้งหมดด้วยกัน 3 ประเภทด้วยกันคือ เซนเซอร์ชนิดเทอร์โมคัปเปิล (Thermocouple), เซนเซอร์ชนิดอาร์ทีดี (Resistor Temperature Detector : RTD) และเซนเซอร์ชนิดสเตรนเกจ (Strain Gauge)
สวิตซ์ (Switch) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเปิด-ปิดวงจรไฟฟ้าและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ทำหน้าที่ควบคุมการไฟลของกระแสไฟฟ้าภายในวงจร ประเภทของสวิตซ์มีหลากหลายชนิดด้วยกันได้แก่ สวิตซ์เลื่อน, สวิตซ์กระดก, สวิตซ์กด, สวิตซ์แบบก้านยาว, สวิตซ์แบบหมุน, สวิตซ์แบบดิพ เป็นต้น
รูป : ประเภทของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
SMD กับ Plated Thru-hole (axial, radial, dip)
ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีด้วยกัน 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ SMD และ Plated Thru-hole (axial, radial, dip) และ electronic components ทั้ง 2 ประเภทนั้นก็มีการทำงานและรูปแบบที่แตกต่างกันดังนี้
SMD ชื่อเต็มก็คือ Surface Mount Device เป็นอุปกรณ์ประเภทยึดอยู่บนพื้นผิวของ pcb board ในการประกอบ PCB assemblies อุปกรณ์ประเภท SMD ไม่ต้องเสียบขาลงไปในรู โดยจะใช้การวางลงบนแผ่นวงจรพิมพ์ที่ตำแหน่งที่มีตะกั่วอยู่แล้ว และส่วนใหญ่ในการลงอุปกรณ์ประเภทนี้ เราจะใช้เครื่องจักร SMT (Pick & Place) ในการลงอุปกรณ์เพราะมันมีความแม่นยำและรวดเร็วกว่า
ข้อดีของ SMD
- ด้วยขนาดที่เล็กทำให้สามารถวาง electronic components ได้ทั้งสองด้านบน Print Circuit Board
- สามารถรับส่งสัญญาณความเร็วสูงได้
- สามารถใช้พื้นที่ของ circuit board ได้อย่างเหมาะสม
- ลดต้นทุน
- สามารถถอดเปลี่ยนอุปกรณ์ได้ง่าย
- มีความสามารถในการลดเสียงรบกวนจากไฟฟ้า
- ให้ประสิทธิภาพความถี่สูงที่ดีกว่า
ข้อเสียของ SMD
- ง่ายต่อการเสียหายได้ เนื่องจากอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กลง
- ในการซ่อมแซมอาจมีราคาสูงเนื่องจากต้องใช้เครื่องมือที่มีราคาสูง
- หากมีการสั่งผลิตน้อยจะยิ่งมีราคาแพง
Plated Thru-hole (axial, radial, dip) หรือที่เรามักจะเรียกกันสั้นๆว่า Dip เป็นอุปกรณ์ประเภทเสียบผ่านรู ในการประกอบ PCBA นั้น อุปกรณ์ประเภท Plated Thru-hole (axial, radial, dip) จะลงอุปกรณ์ด้วยมือ เนื่องจากอุปกรณ์ประเภทนี้ไม่สามารถลงด้วยเครื่อง SMT (Pick & Place) ได้
ข้อดีของ Plated Thru-hole (axial, radial, dip)
- ติดตั้งง่ายและสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย
- ต้นทุนถูก
- ทนทานต่อความร้อนสูง
- สามารถรองรับการใช้งานที่มีกำลังสูงได้
- จัดการพลังงานได้ยอดเยี่ยม
- สามารถสร้างต้นแบบได้ง่าย
ข้อเสียของ Plated Thru-hole (axial, radial, dip)
- หากรูเจาะบนบอร์ด PCB มีมากพื้นที่บน PCB ก็จะลดลง
- ต้องลงอุปกรณ์แบบแมนนวลเพราะไม่สามารถลงด้วยเครื่อง SMT (Pick & Place) ได้
- ไม่เหมาะกับการออกแบบ pcb board ขนาดเล็ก
บรรจุภัณฑ์ Packing Components
ในการสั่งซื้อชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เราจะเห็นได้ว่าตอนที่ได้รับมาหากซื้อ electronic components ในจำนวนมากๆ เราจะได้รับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มาในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบม้วน, แบบตัดเทป, แบบหลอด, แบบถาดหรือแบบใส่ถุง ซึ่งในแต่ละแบบก็จะมีรูปแบบในการบรรจุหีบห่อตัว Electronic Components ที่แตกต่างกัน เราไปดูกันดีกว่าว่าในแต่ละแบบมีลักษณะแบบไหนและบรรจุหีบห่ออย่างไรบ้าง
- แบบม้วน (Reel) จะเป็นลักษณะที่เราเห็นกันค่อนข้างบ่อย โดยในการบรรจุหีบห่อนั้น ในกรณีที่เป็นอุปกรณ์ประเภท SMD ในตัวเทปจะบรรจุตัวอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ แล้วจะมีเทปแปะอยู่ด้านบนเพื่อป้องกันตัวอุปกรณ์หลุดร่วงออกมา ส่วนหากเป็นอุปกรณ์ประเภท Plated Thru-hole (axial, radial, dip) จะมีลักษณะแถบเทปยาวคล้ายกับเทปสำหรับ SMD แต่จะเปลี่ยนจากใส่ลงในแถวเทปเป็นเสียบขาลงไปในเทปแทน
- แบบตัดเทป (cut tape) จะเป็นการตัดออกจากเทปแบบม้วนออกมาเป็นชิ้นยาว โดยส่วนใหญ่มักจะตัดจำนวน 100 ชิ้น เพื่อให้สามารถนำไปใช้ลงอุปกรณ์กับเครื่อง SMT (Pick & Plate) ได้
- แบบหลอด (Tube) จะเป็นลักษณะหลอดใสมีส่วนโค้งเว้าเพื่อรองรับขาของตัวอุปกรณ์ โดยบรรจุภัณฑ์แบบหลอดนั้นจะมีหลากหลายขนาด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับขนาดของตัวชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แพ็คเกจนั้นๆ และจะมีจุกปิดหัวท้ายเพื่อป้องกันการหล่นจากหลอด บรรุภัณฑ์แบบหลอดนี้จะใส่ electronic components แค่แบบ SMD เท่านั้น แบบ Plated Thru-hole (axial, radial, dip) จะไม่สามารถใส่ได้
- แบบถาด (Tray) จะเป็นลักษณะแบบถาดสี่เหลี่ยมและมีบล็อคสำหรับใส่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และจะมีถาดฟิล์มป้องกันแสงปิดด้านบนเพื่อป้องกันตัวอุปกรณ์เคลื่อนที่ออกจากบล็อค
- แบบใส่ถุงพลาสติก บรรจุภัณฑ์แบบนี้จะใส่เอาไว้ในถุงพลาสติกหรือถุงซิป โดยการบรรจุหีบห่อแบบนี้เราไม่แนะนำอย่างยิ่ง เนื่องจากอาจทำให้ตัวชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เกิดรอยขีดข่วนหรือเกิดความเสียหายได้ง่าย
รูป : บรรจุภัณฑ์ Packing Components
Sourcing Component Package
รูป : Sourcing Component Package
ในการเลือก Sourcing Component Package ลูกค้าสามารถเลือกตามความต้องการ โดย Sourcing Component Package ของเรามีอยู่ด้วยกัน 4 Package ตั้งแต่ Package C1 ไปจนถึง Package C4 ซึ่งในแต่ละ Package นั้นจะมีบริการและและระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไป ลูกค้าสามารถอ่านรายละเอียด Package ทั้งหมดจากข้อมูลด้านล่างได้ดังนี้
Package C1 จะมีบริการ Component โดยจะมีระยะเวลาในการดำเนินงานอยู่ที่ 7-30 วัน
Package C2 จะมีบริการ Component และ PCB โดยจะมีระยะเวลาในการดำเนินงานอยู่ที่ 15-50 วัน
Package C3 จะมีบริการ Component และ Prototype โดยจะมีระยะเวลาในการดำเนินงานอยู่ที่ 30-90 วัน
Package C4 จะมีบริการ Component, Prototype และ Mass Product โดยจะมีระยะเวลาในการดำเนินงานอยู่ที่ 45-210 วัน
โดยลูกค้าจะต้องมี Bom.xls มาให้เรา
ในการ Sourcing Component นั้นเราจะนับจากวันทำงาน วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9.00 น. – 17.00 น. ยกเว้นวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ , วันหยุดนักขัตฤกษ์และวันหยุดพิเศษต่างๆ
กระบวนการ SOURCING COMPONENTS
รูป : กระบวนการ SOURCING COMPONENTS
การจัดหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นขั้นตอนก่อนที่จะเข้า Process PCB Assembly ในขั้นตอนนี้อาจมีความวุ่นวายและค่อนข้างซับซ้อนสักเล็กน้อยหากไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องของตัวอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในการจัดหาไม่ใช่เพียงแค่ทำการจัดซื้อแล้วจบ แต่จะต้องเช็ครายละเอียดของตัวอุปกรณ์นั้น ๆ พร้อมทั้งต้องคำนวณจำนวนการซื้อให้สัมพันธ์กับงบประมาณที่จะนำไปประกอบ PCBA อีกด้วย เพราะถ้าหากทำการสั่งซื้ออุปกรณ์ผิดสเปคหรือจำนวนไม่ตรงกับที่คำนวณไว้แน่นอนว่าอาจจะต้องเสียเงินเพิ่มหรือเสียเวลาในการจัดหาใหม่แน่
ในการนำเข้าตัวอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากซัพพลายเออร์แต่ละเจ้าจะมีระยะเวลาไม่เท่ากันขึ้นอยู่ว่าสั่งจากที่ไหน จำนวนเท่าไหร่ หากเจอซัพพลายเออร์ที่ไม่มีของแน่นอนว่าจะต้องรออีกนาน ซึ่งหากระยะเวลาการจัดส่งไม่ตรงตามกำหนดอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตใน Process ต่อไปได้
การจัดหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ดูผิวเผินอาจจะง่าย แต่ถ้าหากไม่ชำนาญมากพอก็อาจผิดพลาดได้ ยกตัวอย่างปัญหาที่มักจะเจอในการจัดหาอุปกรณ์ เช่น คำนวณจำนวนอุปกรณ์ที่จะใช้ผิด เหตุการณ์แบบนี้มักจะเกิดจากการที่ไม่ทำการเช็คตรวจให้ดีก่อนที่จะทำการสั่งซื้อ หรือจะเป็นสั่งอุปกรณ์ผิดสเปคแล้วไม่สามารถที่จะเช็คย้อนกลับได้ เหตุการณ์แบบนี้เรียกได้ว่าเกิดขึ้นบ่อยมากสำหรับคนที่ต้องทำตำแหน่งจัดซื้อ เพราะส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ทำการลิสต์รายการและเก็บฐานข้อมูลไว้สำหรับเช็คทำให้พอทำการสั่งซื้อผิดก็ไม่สามารถกลับมาย้อนตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการขนส่งที่มักจะเจอปัญหาอยู่เป็นประจำไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาที่ล้าช้ากว่ากำหนด หรือการติดขัดระหว่างการขนส่ง แน่นอนว่าหาก Components ไม่มาส่งก็ไม่สามารถที่จะทำการ Assembly ได้ ซึ่งผู้จัดซื้อจะต้องคำนวณระยเวลาในการจัดซื้อให้ดีไม่เช่นนั้นอาจส่งต่อไลน์ผลิตได้
ปัญหาเหล่านี้มักจะเกิดจากที่ผู้ที่ทำหน้าที่จัดหา Electronic Components ไม่มีระบบการจัดการที่ดี ไม่มีการจัดเก็บเป็นฐานข้อมูลสำรองเอาไว้สำหรับเช็คตรวจสอบย้อนกลับ จึงเป็นผลให้เวลาเกิดปัญหาอุปกรณ์ที่สั่งไม่ครบอุปกรณ์สั่งมาผิดสเปคไม่สามารถที่จะเช็คย้อนกลับหรือตรวจสอบข้อมูลได้ หรือหากจะไปเช็คที่ไฟล์ BOM หรือไฟล์ GERBER ถ้าคนที่ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญแน่นอนว่ายากที่จะเข้าใจและอาจจะไม่รู้ด้วยว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จะต้องใช้จริง ๆ นั้นมีจำนวนเท่าไหร่หรือตัวอุปกรณ์แต่ละตัวใช้สเปคไหนบ้าง เพื่อป้องกันไม่เกิดปัญหานี้ขึ้นจำเป็นจะต้องมีการจัดการระบบที่พร้อมที่จะรองรับการเกิดปัญหาในภายภาคหน้า ต้องมีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ
เมื่อเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นจัดซื้อบางรายมักจะแก้ไขโดยวิธีการแบบง่าย ๆ อย่างเช่น สั่งซื้อใหม่ทันทีโดยทิ้งอุปกรณ์ที่สั่งมาผิดให้เสียเปล่า ซึ่งการทำแบบนี้แทนที่จะได้ Assembly แต่สุดท้ายก็ต้องมานั่งรอทำให้เสียเวลาและทำให้เกิดความล่าข้า ไหนจะต้องเสียต้นทุนเพิ่มอีก ซึ่งการจัดหา Electronic Components ที่ดี ควรจะมีการเตรียมข้อมูลการสั่งซื้อของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้เรียบร้อยตั้งแต่ต้น ควรมีระบบการจัดการที่ดี เพื่อให้เวลาทำการสั่งซื้อสามารถที่จะตรวจสอบย้อนกลับและป้องกันการผิดพลาดในอนาคตได้
ขั้นตอน Sourcing Components Process
Sourcing Components Process เป็นขั้นตอนการทำงานในการสั่งซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในแต่ละขั้นตอนนั้นจะต้องมีการตรวจสอบ วางแผน เพื่อป้องกันการผิดพลาดและเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และใน Process การทำงานนั้นจะมีขั้นตอนการทำงานทั้งหมด 5 ขั้นตอนหลักๆ
- รับคำสั่งซื้อ
- ตรวจสอบข้อมูล
- เตรียม Component
- แพ็คกิ้ง
- จัดส่ง
รูป : ขั้นตอน Sourcing Components Process
1. รับคำสั่งซื้อ
เราจะทำการตรวจสอบรายละเอียดภายในใบคำสั่งซื้อก่อน จากนั้นเราจะทำการแจ้งช่องทางการชำระเงิน เมื่อลูกค้าชำระเงินแล้วให้ทำการส่งหลักฐานการชำระเงินมาที่ไลน์หรืออีเมล และเราก็จะทำการยืนยันการสั่งซื้อกลับไปในช่องทางที่ลูกค้าติดต่อมา
รูป : รับคำสั่งซื้องาน Sourcing Components
2. ตรวจสอบข้อมูล
ต่อมาเราจะทำการตรวจสอบ Bom.xls ที่ได้รับมาจากลูกค้า เช็คความถูกต้องและครบถ้วนของ เนื่องจากในการสั่งซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ Bom.xls เป็นสิ่งสำคัญมาก หากมีข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนโดยเฉพาะรหัสสินค้าผู้ผลิต เราจะไม่สามารถจัดหาได้อย่างถูกต้องได้
โดยภายใน Bom.xls นั้น จะต้องประกอบไปด้วยรหัสผู้ผลิต, จำนวน, ตำแหน่ง,ค่าของอุปกรณ์, รายละเอียด เป็นต้น
รูป : ตรวจสอบข้อมูลไฟล์ Bom.xls
3. เตรียม component
เมื่อได้รับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เรียบร้อย เราก็จะทำการตรวจสอบอุปกรณ์และเตรียมอุปกรณ์ตามไฟล์ Bom.xls เพื่อทำจะทำการแพ็คกิ้งในขั้นตอนต่อไป
รูป : ตรวจสอบข้อมูลไฟล์ Bom.xls
4. แพ็คกิ้ง
ในขั้นตอนการแพ็คเราจะนำอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ที่ได้จัดเตรียมไว้มาทำการบรรจุภัณฑ์ โดยบรรจุภัณฑ์ของอุปกรณ์แต่ละชนิด แต่ละประเภทจะแตกต่างกัน แบบม้วน เราจะทำการห่อบับเบิ้ลกันกระแทก แบบตัดเทป เราจะทำการใส่ในถุงซิปจากนั้นก็จะทำการห่อบับเบิ้ลกันกระแทกอีกชั้น แบบหลอด เราจะห่อแบบเดียวกันกับแบบตัดเทปคือใส่ในถุงซิปและห่อบับเบิ้ลกัน ส่วนแบบถาด เราจะนำใส่ลงไปในโฟมที่ตัดเป็นช่องให้พอดีกับถาด จากนั้นก็ใส่โฟมกันกระแทกปิดชั้นบนจากนั้นปิดกล่องและนำส่ง
รูป : แพ็คกิ้งอุปกรณ์
5. จัดส่ง
การจัดส่งของเรามีด้วยกันหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นรับด้วยตัวเอง, รถจักรยานยนต์ของขนส่งเอกชน, รถยนต์ของขนส่งเอกชน และขนส่งเอกชนช่องทางอื่นๆ นอกจากนี้เราจะสามารถจะจัดส่งไปยังต่างประเทศได้อีกด้วย ในส่วนระยะเวลาในการจัดส่งนั้น หากเป็นภายในประเทศจะอยู่ที่ 1-2 วัน แต่หากเป็นการจัดส่งระหว่างประเทศระยะเวลาจะขึ้นอยู่ตามระยะทางและขนส่งที่ลูกค้าเลือก
รูป : จัดส่งอุปกรณ์
คำถาม
R&D OUTSOURCE , PCB DESIGN , TRADING PCB , SOURCING COMPONENTS , PCB ASSEMBLY , BOX BUILD , MECHANICAL PART , WIRE HARNESS
ผลงานที่ผานมามีดังนี้ Click
1. ส่งใบคำสั่งซื้อหรือใบ PO 2. ชำระเงิน 3. ดำเนินงาน 4. ทำการจัดส่ง
Line: meesinsuptechnology, Tel: 0898954407,E-mail: sales@meesinsup.co.th
อนุญาตให้เผยแพร่ และต้องให้เครดิตบริษัท มีสินทรัพย์ เทคโนโลยี จำกัดเท่านั้น ห้ามดัดแปลงแก้ไข หรือนำไปใช้ในเพื่อการค้าโดยเด็ดขาด